วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เครือข่ายสังคมออนไลน์

สังคมออนไลน์ (social Media) 



       เครือข่ายสังคมออนไลน์  (Social  Network)   คือกลุ่มคนที่รวมกันเป็นสังคมมีการทำกิจกรรมร่วมกันบนอินเทอร์เน็ต เป็นรูปการสื่อสารข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต  ทำให้เกิดเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นสังคมขึ้นมา Social Network หรือ เครือข่ายสังคม (ชุมชนออนไลน์)  เป็นรูปแบบของเว็บไซต์ในการสร้างเครือข่ายสังคมสำหรับผู้ใช้งานในอินเทอร์เน็ต  เขียนและอธิบายความสนใจและกิจกรรมที่ได้ทำ  และเชื่อมโยงกับความสนใจและกิจกรรมของผู้อื่น  ในการบริการเครือข่ายสังคมออนไลน์มักจะประกอบไปด้วยการ Chat ส่งข้อความ  ส่ง E-mail วีดีโอ เพลง อัป-โหลดรูปภาพ บล็อก
                การทำงานคือ คอมพิวเตอร์เก็บข้อมูลพวกในไว้ในรูปแบบฐานข้อมูล SQL ส่วน Videoหรือรูปภาพอาจเก็บเป็นไฟล์ก็ได้  บริการเครือข่ายสังคมที่เป็นที่นิยมได้แก่  Facebook  Line Twitter WhatsApp เป็นต้น
                Social Network เป็นเครือข่ายความสัมพันธ์เสมือนที่ตอบสนองกับการสร้างสายสัมพันธ์โยงใยให้เราได้เจอบุคคลที่คุยในเรื่องที่สนใจเหมือนกัน  สามารถเชื่อมโยงการสื่อสารภายในองค์กรและภายนอกองค์กรเข้าด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ 



ความเป็นมาของเครือข่ายสังคมออนไลน์
                     เริ่มจากการพัฒนาทางเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตจากเว็บ 1.0 (เว็บเนื้อหา) มาสู่เว็บ 2.0 (เว็บเชิงสังคม) ซึ่งจุดเด่นของเว็บ 2.0 คือ การที่ผู้ใช้สามารถสร้างเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ตได้เอง โดยไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นทีมงานหรือผู้ดูแลเว็บไซต์

ความสำคัญ ของ Social Network
                ในปัจจุบันนี้ใคร ๆ ก็มีเครือข่ายออนไลน์กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเฟชบุ๊ค (Facebook) ,ทวิตเตอร์ (Twitter) หรืออื่น ๆ มากมาย จากความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสู่เพื่อนกลายเป็นความสัมพันธ์ของกลุ่มสังคม และเป็นความสัมพันธ์ที่กว้างไกลไปทั้งโลก นี่คือความมหัศจรรย์ของเครือข่ายบนโลกออนไลน์
                โลกได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างที่ไม่มีวันหวนกลับคืน         คุณจะไม่มีวันหนีโลกออนไลน์ พ้นในวันหนึ่งชีวิตของตัวคุณจะต้องถูก ดิจิไทซ์ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของโลกออนไลน์ หลังจากนี้ เครื่องคอมพิวเตอร์พีซีจะถึงกาลอวสานของมัน มนุษย์ทุกคนจะมีเครื่องโน๊ตบุ๊ก เน็ตบุ๊ก หรืออะไรที่ใกล้เคียง เช่น โทรศัพท์มือถือ ที่สามารถพกพาติดตัวไปได้ตลอดเวลา และ ออนไลน์ ได้ตลอดเวลา  กระแสที่กำลังเกิดขึ้นในหลากหลายประเทศที่ว่า การเข้าถึงอินเตอร์เน็ตเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมือง จะกลายเป็นกระแสโลก และก่อนที่คุณจะรู้ตัว คุณก็จะพบว่ารอบตัวของคุณได้กลายเป็นสังคมเครือข่ายแบบ ออนไลน์ กันไปหมดแล้ว

 ประเภทของเครือข่ายสังคมออนไลน์
1. สร้างและประกาศตัวตน (Identity Network)
                สังคมครือข่ายประเภทนี้ใช้สำหรับให้ผู้ เข้าใช้งาน ได้มีพื้นที่ในการสร้างตัวตนขึ้นมาบน Website และสามารถที่จะเผยแพร่เรื่องราวของตนผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยประเภทของการเผยแพร่อาจจะเป็นรูปภาพ วีดีโอ การเขียนข้อความลงใน BLOG ซึ่งในสังคมประเภทนี้ สามารถที่จะสร้างกลุ่มเพื่อนขึ้นมาได้อย่างมากมาย ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งผู้ให้บริการสังคมเครือข่ายประเภทนี้ เช่น  Facebook,  Hi5  Bloggang Twitter เป็นต้น










ข้อดีและข้อเสียของ FaceBook

   ข้อดี
       1.FaceBook จะเป็นการสร้างเครือข่ายและจุดประกายด้านการศึกษาได้อย่างกว้างขวาง หากใช้ได้อย่างถูกวิธี
       2.ทำให้ไม่ตกข่าว คือทราบความคืบหน้า เหตุการณ์ของบุคคลต่างๆและผู้ที่ใกล้ชิด
       3.ผู้ใช้สามารถสร้างเครือข่ายทางสังคม แฟนคลับหรือผู้ที่มีเป้าหมายเหมือนกัน และทำงานให้สำเร็จลุล่วงไปได้
       4.สามารถสร้างมิตรแท้ หรือเพื่อนที่รู้ใจที่แท้จริงได้
     5.FaceBook เป็นซอฟแวร์ที่เอื้อต่อผู้ที่มีปัญหาในการปรับตัวทางสังคม ขาดเพื่อน อยู่โดดเดี่ยว หรือผู้ที่ไม่สามารถออกจากบ้านได้ ให้มีเครือข่ายทางสังคม และเติมเต็มชีวิตทางสังคมได้อย่างดี ไม่เหงาและปรับตัวได้ง่ายขึ้น
       6.สร้างเครือข่ายที่ดี สร้างความเห็นอกเห็นใจ และให้กำลังใจที่ดีแก่ผู้อื่นได้
       ข้อเสีย
       1.FaceBook เป็นการขยายเครือข่ายทางสังคมในโลกอินเตอร์เนต ดังนั้นการมีเพิ่มเพื่อนเครือข่ายที่ไม่รู้จักดีพอ จะทำให้เกิดการลักลอบขโมยข้อมูล หรือการแฝงตัวของขบวนการหลอกลวงต่างๆได้
       2.เพื่อนทุกคนในเครือข่ายสามารถเขียนข้อความต่างๆลง Wall ของ FaceBook ได้แต่หากเป็นข้อความที่เป็นความลับ การใส่ร้ายกัน หรือแฝงไว้ด้วยการยั่วยุต่างๆ จะทำให้ผู้อ่านที่ไม่มีวุฒิภาวะพอ หลงเชื่อ เกิดความขัดแย้ง และปัญหาตามมาในภายหลังได้
       3.Facebook อาจเป็นช่องทางในการสร้างสังคมแห่งการนินทา หรือการยุ่งเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นโดยใช่เหตุ โดยเฉพาะสังคมที่ชอบสอดรู้สอดเห็น
       4.การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดให้กับบุคคลภายนอกที่ไม่รู้จักดีพอ เช่นการลงรูปภาพของครอบครัวหรือลูก อาจนำมาเรื่องปัญหาการปลอมตัว หรือการหลอกลวงอื่นๆที่คาดไม่ถึงได้
       5.เด็กๆที่ใช้เวลาในการเล่น Facebook มากเกินไป จะทำให้เสียการเรียน
     6.ในการสร้างความผูกพันและการปรับตัวทางสังคมเป็นการพบปะกันในโลกของความจริง มากกว่าในโลกอินเตอร์เนต ดังนั้นผู้อยู่ในโลกของไซเบอร์มากเกินไปอาจทำให้มีปัญหาทางจิต หรือขาดการปรับตัวทางสังคมที่ดี โดยเฉพาะผู้ที่ชอบเล่น FaceBook ตั้งแต่ยังเด็ก
       7.FaceBook อาจเป็นแรงขับให้มีการพบปะทางสังคมในโลกแห่งความเป็นจริงที่น้อยลงได้ เนื่องจากทราบความเคลื่อนไหวของผู้ที่อยู่ในเครือข่ายอย่างตลอดเวลา
 8.นโยบายของบางโรงเรียน บางมหาวิทยาลัย บางครอบครัวหรือในบางประเทศมีปัญหามากมายที่เกิดจากFaceBook ทำให้ FaceBook ไม่ได้รับการอนุญาตให้มีในหลายพื้นที่

ประโยชน์ของทวิตเตอร์ (Twitter) 


                 เพื่อนฝูงรู้ Status คุณและไม่ขาดการติดต่อกับเพื่อนฝูง ในทวิตเตอร์ คุณสามารถเขียนข้อความเกี่ยวกับตัวคุณในปัจจุบันว่ากำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน เพื่อนๆ ที่ติดตามคุณ (Followers) ก็จะรู้ได้ และในขณะเดียวกันคนอื่นที่คุณติดตามอยู่ (Following) คุณก็สามารถรู้ Status ของเขาได้ด้วยเช่นกัน
              ได้ความรู้ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น จากบุคคลที่เรา Following เช่น ถ้าบุคคลที่เราติดตามมีการอับเดทข้อความที่เป็นสาระความรู้ และหากมีลิ้งค์ไปยังแหล่งข้อมูลนั้นด้วย คุณก็สามารถคลิกไปดูแหล่งข้อมูลความรู้นั้นได้เลย
                ติดตามข่าว คุณสามารถอ่านรายงานสดจากยูสเซอร์ของทวิตเตอร์คนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์หรือสถานที่เกิดเหตุ และยังสามารถติดตามอ่านข่าวจาก CNN (www.twitter.com/cnn หรือเรียกย่อๆ ว่า @CNN) ติดตามอ่านข่าวจาก@NYTimes, @BreakingNewsOn, @nprnews, @weirdnews, @MarsPhoenix, @Astronautics ฯลฯ
             เป็นช่องทางติดต่อกับบริษัทผู้ผลิต บริษัทมากมายล้วนแล้วแต่มีแอ็กเคานต์ทวิตเตอร์ให้คุณใช้ในการติดต่อ คุณสามารถใช้ทวิตเตอร์เป็นช่องทางในการร้องเรียนได้หรือสอบถามได้ บริษัทใหญ่ที่มีแอ็กเคานต์ของทวิตเตอร์ เช่น Zappos, Starbucks, Whole Foods, JetBlue และอื่นๆ อีกมาก
               ขอความช่วยเหลือ ลักษณะเดียวกับบล็อกหรือฟอรัม ทวิตเตอร์คือสถานที่ที่เหมาะอีกแห่งหนึ่ง สำหรับการตั้งคำถาม ที่คุณไม่อยากจะไปค้นหาคำตอบ ด้วยตัวเอง รวมไปถึงการขอความช่วยเหลือ โอเว่น ริ้งเคิ้ล ผู้พัฒนาทวิตเตอร์บอกกับเราว่า ปัญหาที่คุณเคยใช้เวลาคิด 5 นาที อาจได้คำตอบออกมาภายในเวลา 10 วินาทีบนทวิตเตอร์ แต่นี่หมายถึงอย่างน้อยคุณต้องมีเพื่อนๆ ในชีวิตจริงตามดู (follow) ทวิตเตอร์ของคุณอยู่ และแน่นอนว่าถ้าจะให้เกิดประโยชน์สูงสุด คุณก็ควรตามดูทวิตเตอร์ของเพื่อนด้วย เพื่อเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
             โปรโมตผลงาน/เว็บไซต์ของคุณหรือของบริษัทคุณ หรือแนะนำเว็บไซต์อื่นๆ ที่น่าสนใจ ทวิตเตอร์เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการโปรโมตผลงาน, ประชาสัมพันธ์ หรือแนะนำเว็บไซต์ และพยายามให้มีลิงก์โปรโมตแต่พอควร ไม่ควรให้มีมากเกินเพราะจะทำให้คนอื่นรำคาญ และไม่ติดตามคุณอีก
ได้รู้จักทั้งคนดังและหรือไม่ดัง และคนที่คุณอยากรู้จัก และสามารถหา Search ด้วยตัวคุณเองในช่อง Search
จุดเด่นที่สำคัญของ Blog คือ จะมีระบบที่ผู้อ่านและผู้เขียนสามารถแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนกันได้ โดยผ่านทางระบบ Comment ของบล็อก
 

2. สร้างและประกาศผลงาน (Creative Network)
สังคมเครือข่ายประเภทนี้ เป็นสังคมที่คนในสังคมต้องแสดงออก และนำเสนอผลงานของตัวเอง ได้จากทั่วทุกมุมโลก จึงมี Website ที่ให้บริการพื้นที่เสมือนเป็น Gallery ที่ใช้จัดโชว์ผลงานของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น วีดีโอ รูปภาพ เพลง ซึ่งผู้ให้บริการสังคมเครือข่ายประเภทนี้ เช่น  YouTube,  Multiply,  Flickr  เป็นต้น






   


1.  เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ให้ข้อมูลต่างๆซึ่งสามารถทำความเข้าใจได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น การสอนการแต่งหน้า ซึ่งเป็นเทคนิคที่ทำความเข้าใจยาก ถ้าศึกษาจากหนังสือหรือนิตยสาร เราก็ไม่สามารถเห็นการลงมือปฏิบัติแต่งหน้าที่ชัดเจน เช่นการเลือกสี การลงสี และน้ำหนักหนัก-เบา แต่การศึกษาจาก youtube เราสามารถทำความเข้าใจและปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
2.       เป็นแหล่งรวมความบันเทิง เช่น เพลง มิวสิควิดีโอ เป็นต้น
3. เป็นแหล่งเรียนรู้ให้ศึกษาการทดลองทางวิทยาศาสตร์จากทั่วโลก เช่น การทดลองทางด้านbiological molecular ได้แก่ การทำ PCR , พันธุวิศวกรรม เป็นต้น
4.   สามารถทำให้เราติดตามดูละคร หรือรายการทีวีย้อนหลังได้ เช่นละครเนื้อคู่อยากรุ้ว่าใคร ตอนที่ 26 , WooDy Talk 25Jul10 1/4 อ้วน รีเทิร์น


      โทษของ youtube

1. เยาวชนอาจจะนำ youtube มาใช้ในทางที่ผิด เช่น การใช้กำลังในการแก้ปัญหา แล้วถ่ายคลิปลงใน youtube ทำให้เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีกับผู้ที่เข้ามาดูคลิปนี้
2.     เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ เช่นการเอาหนังที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์มาลง youtube
3.     มีคลิปที่ไม่เหมาะสมกับเยาวชน เช่นคลิปลามากอนาจาร คลิปที่ส่อแนวไปในทางมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น
4.   เป็นการสร้างความเชื่อที่ผิดๆโดยการนำความนำเสนอข้อมูลที่ไม่เป็นจริง เช่น การกินเมนทอสพร้อมน้ำอัดลมทำ ให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ 




 3. ความชอบในสิ่งเดียวกัน (Interested  Network)
เป็นสังคมเครือข่าย ที่ทำหน้าที่เก็บในสิ่งที่ชอบไว้บนเครือข่าย โดยเป็นการสร้าง Online Bookmarking โดยมีแนวคิดที่ว่า แทนที่ผู้ใช้จะเก็บ Bookmark ไว้ในเครื่องคนเดียว ก็นำมาเก็บไว้บน Website ดีกว่า เพื่อที่จะได้เป็นการแบ่งปันให้กับคนที่มีความชอบในเรื่องเดียวกัน สามารถใช้เป็นแหล่งอ้างอิงในการเข้าไปหาข้อมูลได้ และนอกจากนี้ ยังสามารถ Vote เพื่อให้คะแนนกับBookmark ที่ผู้ใช้คิดว่ามีประโยชน์และเป็นที่นิยม ซึ่งผู้ให้บริการสังคมเครือข่ายประเภทนี้ เช่น  Zickr,  del.icio.us,  Bigg, Pantip  เป็นต้น



4. เวทีทำงานร่วมกัน (Collaboration Network)
เป็นสังคมเครือข่าย ที่ต้องการความคิด ความรู้ และการต่อยอดจากผู้ใช้ที่เป็นผู้รู้ เพื่อให้ความรู้ที่ได้ออกมา มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง และเกิดการพัฒนาในที่สุด ซึ่งหากลองมองจากแรงจูงใจที่เกิดขึ้นแล้ว คนที่เข้ามาในสังคมนี้ มักจะเป็นคนที่มีความภูมิใจ ที่ได้เผยแพร่สิ่งที่ตนเองรู้ และทำให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม ซึ่งผู้ให้บริการสังคมเครือข่ายประเภทนี้ เช่น  WikiPedia  เป็นสารานุกรมต่อยอด  ที่อนุญาตให้ช่วยกันเขียน  Google 

                ซึ่ง Website ที่โด่งดังมากอย่าง Wikipedia ซึ่งถือว่าเป็นสารานุกรม แบบต่อยอดทางความคิด ก็อนุญาตให้ใครก็ได้เข้ามาช่วยกันเขียน และแก้ไขบทความต่างๆ ได้ตลอดเวลา ทำให้เกิดเป็นสารานุกรมออนไลน์ขนาดใหญ่ ที่รวบรวมความรู้ ข่าวสาร และเหตุการณ์ต่างๆ ไว้มากมาย










5. ประสบการณ์เสมือนจริง (Virtual Reality)
คือเกมส์ออนไลน์สามารถสร้างตัวละครโดยสมมุติให้เป็นตัวเราขึ้นมาได้ใช้ชีวิต อยู่ในเกมอยู่ในชุมชนเสมือน  สามารถซื้อขายที่ดิน  และหารายได้จากการทำกิจกรรมต่างๆได้  เช่น  Seocnd  Liae,  World  Warcraft  เป็นต้น

















6. เครือข่ายเพื่อการประกอบอาชีพ (Professional Network)
เป็นการเชื่อมต่อกันระหว่างเครื่องผู้ใช้กับเครื่องลูกเครือข่าย  เช่น  Bit  Torrent  ทำให้เกิดการแบ่งปันไฟล์ต่างๆได้อย่างกว้างขวาง  และรวดเร็ว  แต่ก็ทำให้เกิดปัญหาเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์












การให้บริการของเครือข่ายสังคมออนไลน์
    1.เป็นรูปแบบของเว็บไซต์ในการสร้างเครือข่ายสังคม สำหรับผู้ใช้งานในอินเตอร์เน็ต
    2.ผู้ใช้บริการเขียนและอธิบายความสนใจ และกิจการที่ได้ทำ เพื่อแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ร่วมกัน
   3.เชื่อมโยงกับความสนใจและกิจกรรมของผู้อื่น กลายเป็นสังคมในเครือข่าย เรียกว่า "เครือข่ายสังคม"
   4.บริการเคือข่ายสังคมมักจะประกอบไปด้วยการแช็ต ส่งข้อความ ส่งอีเมลล์ วีดีโอ เพลง อัพโหลดรูป บล็อก
กลุ่มผู้ใช้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์  แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มดังนี้






เครือข่ายสังคมออนไลน์กับการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
                1. ด้านการสื่อสาร (Communication) 
                2. ด้านการศึกษา (Education)
                3. ด้านการตลาด (Marketing)
                4. ด้านบันเทิง (Entertainment) 
                5. ด้านสื่อสารการเมือง (Communication Political)  
 
ข้อดีหรือประโยชน์ของ  Social  Network
1.ด้านการเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคล  เครื่องมือสำหรับเครือข่ายสังคมออนไลน์  เช่น  Weblogs,  Wiki,  Multimedia  Shared  ประเภทต่างๆ  สามารถทำให้อินเทอร์เน็ตเผยแพรข้อมูลเรื่องราว สารสนเทศต่างๆ  ของส่วนบุคคลได้สะดวก  โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเช่น  Google  เป็นต้น
2.ด้านการเรียนการสอน   สามารถใช้เป็นเครื่องมือหรือเป็นแหล่งเรียนรู้  ประกอบการจัดการเรียนการสอนได้
3.ด้านการศึกษาค้นคว้า  วิจัย  การจัดการความรู้  ใช้เพื่อรวบรวมและเผยแพร่องค์ความรู้  ผลงานวิจัยในองค์กร
4.ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน  เพิ่มช่องทางสมาชิกในองค์กรให้สามารถติดต่อสื่อสารและเผยแพร่ข้อมูลได้สะดวก ยิ่งขึ้นเกิดการแรกเปลี่ยนความคิดเห็น ความรู้ และประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้
5.ด้านการดำเนินธุรกิจหรือกิจกรรมขององค์กร  เช่น  การโฆษณาสินค้า  การสร้างช่องทางการตลาด  และการซื้อขายสินค้า  รวมทั้งการดำเนินงานด้านลูกค้าสัมพันธ์ขององค์กร  ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ 
6.ด้านความบันเทิงและเกมส์ออนไลน์   เป็นแหล่เผยแพรแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านความบันเทิง เช่น  วิดีโอ  เพลง  เกมส์ออนไลน์
 
ข้อเสียหรือปัญหาของ Social Network
1.ปัญหาด้านการละเมิดลิขสิทธิ์ผลงาน และการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้ใช้อินเตอร์เน็ต/สมาชิกเครือข่าย
2.ปัญหาด้านการเผยแพร่สื่อลามก อนาจาร และสิ่งผิดกฎหมาย
3.ปัญหาเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้ข้อมูลส่วนตัว
4.ปัญหาอาชญากรรม และการล่อลวงผ่านสังคมเครือข่ายออนไลน์
5.ปัญหาข้อมูลขยะล้นโลก Cyber Space
6.ปัญหาอื่นๆที่ตามมา ได้แก่ ด้านสังคม ด้านอาชญากรรม ด้านการศึกษา ด้านธุรกิจ และอื่นๆ


วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เทคนิคการค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต

ความรู้เกี่ยวกับการสืบค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต

ระบบค้นหาข้อมูล (search engine)
คือโปรแกรมที่ช่วยในการสืบค้นข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลอินเทอร์เน็ตโดยครอบคลุมทั้งข้อความ รูปภาพ ภาคเคลื่อนไหว เพลง ซอฟต์แวร์ แผนที่ ข้อมูลบุคคล กลุ่มข่าว และอื่นๆ ซึ่งแตกต่างกันไป แล้วแต่โปรแกรมหรือผู้ให้บริหารแต่ละราย ระบบค้นหาข้อมูลส่วนใหญ่จะค้นหาข้อมูลจากคำสำคัญที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไป จากนั้นก็จะแสดงรายการผลลัพธ์ที่คิดว่าผู้ใช้น่าจะต้องขึ้นมาในปัจจุบัน ระบบค้นหาข้อมูลบางชนิด เช่น กูเกิล (Google) จะบันทึกประวัติการค้นหาและการเลือกผลลัพธ์ของผู้ใช้ไว้ด้วย และจะนำประวัติที่บันทึกไว้นั้นมาช่วยกรองผลลัพธ์ในการค้นหาครั้งต่อไป

ประเภทของ Search Engine
1.   Keyword Index
เป็นการค้นหาข้อมูล โดยการค้นจากข้อความในเว็บเพจที่ได้ผ่านการสำรวจมาแล้ว จะอ่านข้อความ ข้อมูล ประมาณ 200-300 ตัวอักษรแรกของเว็บเพจ วิธีการค้นหาของ Search Engine ประเภทนี้จะให้ความสำคัญกับการเรียงลำดับข้อมูลก่อนหลัง  การค้นหาข้อมูล โดยวิธีการเช่นนี้จะมีความรวดเร็วมาก แต่มีความละเอียดในการจัดแยกหมวดหมู่ของข้อมูลค่อนข้างน้อย เนื่องจากไม่ได้คำนึงถึงรายละเอียดของเนื้อหาเท่าที่ควร แต่ถ้าต้องการแนวทางด้านกว้างของข้อมูล การค้นหาแบบนี้จะเหมาะสมที่สุด เว็บที่ให้บริการ Search Engine แบบ Keyword Index ได้แก่เว็บ


http://www.google.com/                                                                                                 




   http://www.altavista.com/



      


2.   Subject Directories
Subject Directories การจำแนกหมวดหมู่ข้อมูล Search Engine ประเภทนี้ จะจัดแบ่งโดยการวิเคราะห์เนื้อหา ของแต่ละเว็บเพจ ว่ามีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร โดยการจัดแบ่งแบบนี้จะใช้คนพิจารณาเว็บเพจ แต่ละเว็บ แล้วทำการจัดหมวดหมู่ โดยจะขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของคนจัดหมวดหมู่แต่ละคนว่าจะจัดเก็บข้อมูลนั้นๆ อยู่ในกลุ่มของอะไร ดังนั้นฐานข้อมูลของ Search Engine ประเภทนี้จะถูกจัดแบ่งตามเนื้อหาก่อน แล้วจึงนำมาเป็นฐานข้อมูลในการค้นหาต่อไป

http://www.kapook.com/       


                               
http://www.sanook.com

                  



3.   Metasearch Engines
Metasearch Engines จะเป็น Search Engine ที่ใช้ในการค้นหาเว็บ ด้วยตัวของ Search Engine แบบ Metasearch Engines เองแล้ว แต่ที่เด่นกว่านั้นคือ Search Engine แบบ Metasearch Engines จะยังสามารถเชื่อมโยงไปยัง Search Engine ประเภทอื่นๆ เพื่อเรียกดูข้อมูลที่ Search Engine อื่นๆ ค้นพบ โดยสังเกตได้จากจะมีคำว่า [Found on Google, Yahoo!] ต่อทางด้านท้าย นั้นก็หมายความว่าการค้นหาข้อความนั้นๆ มาการเชื่อมโดยไปค้นข้อมูลจาก เว็บ Google และ Yahoo
แต่การค้นหาด้วยวิธีนี้มีจุดด้อย คือ วิธีการนี้จะไม่ให้ความสำคัญกับขนาดเล็กใหญ่ของตัวอักษรและมักจะไม่ค้นหาคำ ประเภท Natural Language (ภาษาพูด) และที่สำคัญ Search Engine แบบ Metasearch Engines ส่วนมากไม่รองรับภาษาไทย




เทคนิคการสืบค้นข้อมูลด้วย Google


1.   Google จะใช้ and (และ) อยู่ในประโยคเสมอ เช่น ค้นหา harvest moon back to nature. Google จะค้นหาแบบ harvest AND moon AND back... (พูดง่ายๆคือค้นหาแบบแยกคำ)
2.   การใช้ OR (หรือ) คือการให้ Google หาข้อมูลมากขึ้นจาก คำA และ คำB (พูดง่ายๆ คือนำผลที่ได้ มารวมกันรวมกัน) วิธีใช้ พิมพ์ OR ด้วยตัวใหญ่ระหว่างคำที่ต้องการ เช่น vacation london OR paris คือหาทั้งใน London และ Paris
3.   Google จะละคำทั่วๆไป (เช่น the, to, of) และตัวอักษรเดี่ยว เพราะจะทำให้ค้นหาช้าลง แต่ถ้าคำ พวกนั้นสามารถช่วยให้หาข้อมูลง่ายขึ้น ก็ต้องใช้เครื่องหมาย + ช่วยโดยนำไปอยู่หน้าคำนั้น (ต้องเว้นวรรคก่อนด้วย) เช่น back +to nature final fantasy +x
4.   Google สามารถกันขอบเขตการค้นหาให้เล็กลงด้วยการใช้ Advanced Search หรือ การค้นหา แบบพิเศษ ใน Google ภาษาไทย
5.   Google สามารถตัดคำพ้องรูปได้โดยใช้เครื่องหมาย - ช่วยโดยการนำไปอยู่คำที่จะตัด เช่น คำว่า bass มี 2 ความหมายคือ เกี่ยวกับปลา และดนดรีเราจะตัดที่มีความหมายเกี่ยว กับดนตรีออกโดยพิมพ์ bass -music หมายความว่า bass ที่ไม่มีคำว่า music นอกจากนี้มันยังสามารถตัดอย่างอื่นได้อีก เช่น "front mission 3" -filetype:pdf หมายความว่า เรื่องเกี่ยวกับ front mission 3 แต่ไม่แสดงไฟล์ PDF
6.   การค้นหาแบบทั้งวลี (คือการค้นหาทั้งกลุ่มคำ) ให้ใช้เครื่องหมาย " " เช่น "Breath of fire IV"
7.   Google สามารถค้นหาหน้าที่คล้ายกัน (โดยคลิ้ก Similar pages หรือ หน้าที่คล้ายกัน ใน Google ภาษาไทย) โดยจะค้นหาข้อมูลที่คล้ายๆ กันให้เรา เช่น ถ้าเรากำลังหาข้อมูลการวิจัย ความสามารถนี้จะ ช่วยให้หาข้อมูลได้มากมายในเวลาที่รวดเร็วโดยไม่ต้องเป็นห่วงเรื่อง keyword
8.   Google สามารถค้นหาเวปที่จำเพาะเจาะจงได้ โดยพิมพ์ คำที่คุณต้องการเจาะจง site:ชื่อ URL เช่น ถ้าคุณต้องการหาเวปเกี่ยวกับการเข้า (admission) มหาวิทยาลัย Stanford ให้พิมพ์ admission site:www.stanford.edu
9.   สามารถคำนวนเลขได้โดยการพิมพ์โจทย์เลขลงไปในช่อง Search เช่น 52869-8956 หรือ 562475+8422 แล้วกด enter และยังสามารถแปลงค่าต่างๆ เช่น จากไมล์เป็นกิโลเมตร หรือจากเซนติเมตรเป็นนิ้วได้ แค่ใส่ลงไป เช่น ใส่ว่า 130 miles to kilometer ก็จะได้ผลออกมาเป็นกิโลเมตร เป็นต้น
10.สามารถแปลงค่าเงินได้ โดยใส่ลงไปในช่องค้นหาว่า 50 USD to baht ก็จะได้อัตราแลกเปลี่ยนเงินจากดอลลาร์เป็นบาท หรือจะเป็นค่าอื่น ก็แค่เปลี่ยนสกุลเงิน แล้วตามท้ายว่า To baht ก็จะได้อัตราแลกเปลี่ยน







  แหล่งที่มา :
https://www.gotoknow.org/posts/445773
http://tips.thaiware.com/164.html
http://www.sdl.academic.chula.ac.th/Misc/How%20to%20use%20Google.htm
http://www.siamebook.com/lbro/google-products-help-menu/